บัตรคนจน รอชง ครม. 1-2 สัปดาห์ ปีนี้ตัดแหลก สมัคร 20 ล้าน เหลือ 13 ล้าน

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าของโครงการเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน ที่เปิดรับสมัครในปี 65 ว่า ขณะนี้กระทรวงการคลัง กำลังเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อมูลให้มีความถูกต้อง และชัดเจนอยู่ ซึ่งคาดว่าภายใน 1-2 สัปดาห์จะตรวจสอบเสร็จ และนำเสนอ ครมคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. เพื่อขอความเห็นชอบ เกี่ยวกับจำนวนผู้ผ่านสิทธิเข้าร่วมโครงการได้

สำหรับจำนวนผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการบัตรคนจนนั้น คาดว่าน่าจะใกล้เคียงกับจำนวนผู้ถือบัตรในปัจจุบัน ที่มีประมาณ 13 ล้านคน เนื่องจากในรอบนี้แม้จะมีผู้สมัครเข้ามาเยอะมากกว่า 20 ล้านคน แต่คลัง ได้เพิ่มหลักเกณฑ์การคัดกรองให้เข้มข้นมากขึ้น อาทิ การนำเกณฑ์รายได้ของครัวเรือนมาตรวจสอบ เพิ่มเติมจากเดิมที่กำหนดเฉพาะเกณฑ์รายได้ส่วนตัวเท่านั้น จึงจะทำให้มีรายชื่อผู้ไม่ผ่านการตรวจสอบ และหลุดออกไปค่อนข้างเยอะ 

ส่วนจะเริ่มใช้บัตรคนจนทันวันที่ 1 มี.คคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. 66 หรือไม่ เรื่องนี้เป็นกำหนดการเดิมที่วางไว้ แต่ด้วยมีความล่าช้าในเรื่องของข้อมูล ซึ่งมีการตรวจสอบและใช้ข้อมูลของหน่อยงานจำนวนมาก จึงต้องใช้เวลา เพราะฉะนั้น เมื่อการตรวจสอบมีความล่าช้า ก็อาจกระทบต่อแผนเดิมที่กำหนดไว้วันที่ 1 มี.ค. อย่างไรก็ดี คลังจะพยายามทำให้ได้ทันตามกำหนดเดิม

“เรื่องกำหนดเวลานั้นยังตอบไม่ได้ว่าจะทันหรือไม่ ต้องขอไปดูอีกนิดหนึ่ง จะทำได้เร็วแค่ไหน และต้องดูต่อไปว่าแผนกรอบเวลาเดิมจะต้องปรับหรือเปล่า ยืนยันว่าจะทำให้ได้เร็วที่สุด”

นายอาคม กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้ จะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยได้รับขับเคลื่อนจากภาคการท่องเที่ยวเป็นหลัก และมีการลงทุนจากภาครัฐและภาคเอกชนเป็นส่วนเสริม ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม คือ ความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะชะลอตัวจนอาจกระทบต่อภาคการส่งออก แต่ไทยก็พยายามหาตลาดใหม่มาทดแทน เช่น การค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้าน การค้าชายแดน ขณะเดียวกัน อยากให้เอกชนเร่งขยายการลงทุนเพิ่ม เพราะปีที่ผ่านมาอัตราการลงทุนของไทยค่อนข้างช้าจากผลกระทบของโควิด รวมถึงอยากให้โฟกัสไปที่เศรษฐกิจดิจิทัล และเศรษฐกิจสีเขียว ที่เป็นเทรนด์ใหม่ของโลก

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าฐานะทางการคลังยังแข็งแกร่ง สามารถรับมือความไม่แน่นอนเศรษฐกิจโลกได้ โดยปัจจุบันการขยายเพดานเงินกู้ ส่งผลให้ไทยยังมีพื้นที่ทางการคลัง และมีช่องว่างที่จะกู้เงินเพิ่มเติมถึง 10% ของจีดีพีในกรณีที่เกิดวิกฤติและต้องหาเงินช่วยเหลือเพื่อบรรเทาเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้น โดยไม่เสียวินัยทางการคลังด้วย ประกอบกับปัจจุบันหนี้ต่างประเทศของไทยมีสัดส่วนน้อยกว่าเงินกู้ในประเทศ ส่งผลให้ฐานะการเงินการคลังของไทยยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ที่สำคัญเงินกู้ยืมส่วนใหญ่ของไทย ยังเป็นหนี้เพื่อการลงทุนถึง 80% ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเติบโตในระยะยาว ส่วนการจัดทำงบประมาณก็ตั้งเป้าหมาย จะทำงบขาดดุลให้น้อยลง เพื่อก้าวไปสู่การทำงบสมดุลให้เร็วที่สุด